Wednesday, September 19, 2018

เที่ยวปรัมบานัน ดินแดนความมหัศจรรย์แห่งอิเหนา

        สวัสดีชาวไทย...เชื้อสายมนุษย์กันทุกคนเลยนะคะ มาถึงสถานทีท่องเที่ยวประจำสัปดาห์นี้กันเลย ซึ่งสัปดาห์นี้นะคะมาลีจะพาทุกๆคนลงไปสูดอากาศบริเวณใกล้เส้นศุนย์สูตร ที่ได้ชื่อว่าดินแดนของฝน 8 แดด 4 กับประเทศที่ได้สมญานามว่ามีหมู่เกาะมากที่สุดในโลกใบนี้นั่นก็คือ อินโดนีเซีย นั่นเองค่ะ และสำหรับสถานที่ท่องเที่ยวที่มาลีเลือกมาในวันนี้นะคะ ก็คือ ปรัมบานัน นั่นเองค่ะ

ที่มา gothailandgoasean.tourismthailand.org/th/ปรัมบานัน-อีกหนึ่งความมหัศจรรย์แห่งแดนอิเหนา/
     ความเป็นมา ปรัมบานัน (Prambanan) หรือ จันดีปรัมบานัน (Candi Prambanan) เป็นเทวสถานในศาสนาฮินดู ลัทธิไศวนิกาย ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศอินโดนีเซียและภูมิภาคอาเซียน ตั้งอยู่ในเขตชวากลาง ห่างจากเมืองยอกยาการ์ตาไปทางตะวันออกประมาณ 18 กิโลเมตร สร้างขึ้นเพื่ออุทิศถวายแด่เทพเจ้าที่ยิ่งใหญ่ทั้ง 3 องค์ของฮินดู คือ พระพรหม พระนารายณ์ พระอิศวร และสัตว์เทพพาหนะ ซึ่งปรัมบานัน นั้นนะคะ ถือว่าเป็นเทวสถานที่ถือได้ว่ามีความสำคัญและยิ่งใหญ่ไม่น้อยไปกว่ามหาเจดีย์บุโรพุทโธ และได้รับเลือกจากยูเนสโก้ให้เป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรมภายใต้ชื่อ กลุ่มวัดปรัมบานัน (Prambanan Temple Compounds) เมื่อปี ค.ศ. 1991
    ตำแหน่งที่ตั้งของปรัมบานัน ตั้งอยู่ในสวนสาธารณะปรัมบานันที่กว้างใหญ่ ในเขตชวากลาง ของอินโดนีเซีย ห่างจากเมืองยอกยาการ์ตาไปทางตะวันออกประมาณ 18 กิโลเมตร

ที่มา aseannotes.blogspot.com/2014/07/2_13.html
     ลักษณะทางสถาปัตยกรรม  ปรัมบานัน จะเป็นกลุ่มสิ่งของก่อสร้างด้วยหินจำนวนหลายหลัง ลักษณะคล้ายเทวลัยหรือปราสาท โดยจะมีเทวลัยหลัก 8 หลังอยู่ตรงกลาง รายล้อมด้วยเทวลัยขนาดเล็กเป็นบริวารอีกมากกว่า 200 หลัง และมีแนวกำแพงล้อมรอบ โดยความโดดเด่นทางสถาปัตยกรรมของปรัมบานันคือองค์เทวาลัย และภาพแกะสลักนูนตามกำแพงที่ปราณีตสวยงาม ด้วยลวดลายที่วิจิตรบรรจง โดยจะเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับบรรดาเทพเจ้าหรือเรื่องรามายณะและตำนานอื่น ๆ แสดงให้ถึงความความยิ่งใหญ่ ความงาม และความสำคัญของศาสนาฮินดูในอดีได้ชัดเจนทีเดียวเลยล่ะค่ะ

  ที่มา http://en.wikipedia.org/wiki/Prambanan
ความสำคัญของปรัมบานัน  เทวาลัยหลักทั้ง 3 มีขนาดใหญ่ สร้างให้หันหน้าไปทางทิศตะวันออก ออกแบบคล้ายเจดีย์ทรงกลีบมะเฟืองซึ่งได้รับอิทธิพลมาจากศิลปะอินเดีย องค์ประธานหลังกลางที่ใหญ่ที่สุด มีความสูงถึง 47 เมตร เป็นเทวาลัยที่สร้างขึ้นถวายแด่พระอิศวร ส่วนอีก 2 หลังที่ขนาบข้างมีขนาดเล็กกว่า เทวาลัยทิศเหนือสร้างถวายแด่พระนารายณ์ ส่วนเทวลัยทิศใต้สร้างขึ้นถวายแด่พระพรหม


ที่มา gothailandgoasean.tourismthailand.org/th/ท่องไปในดินแดนชวา-เยือนจันดีราราจงกรัง-“-ปรับบานัน”-อาณาจักรแห่งทวยเทพ/
เหตุการณ์แผ่นดินไหวเมื่อปี ค.ศ. 2006 ได้ส่งผลให้มีเทวลัยและสิ่งก่อสร้างของเทวสถานปรัมบานันได้รับความเสียหายเป็นจำนวนไม่น้อย โดยเฉพาะเทวาลัยขนาดเล็ก ที่รายล้อมอยู่รอบๆเทวาลัยขนาดใหญ่ และได้มีการปิดซ่อมแซมเป็นระยะเวลาหนึ่ง ก่อนจะเปิดให้นักท่องเที่ยวได้เข้าไปเที่ยวชมเป็นปกติอีกครั้งมาจนถึงทุกวันนี้

ที่มา gothailandgoasean.tourismthailand.org/th/ปรัมบานัน-อีกหนึ่งความมหัศจรรย์แห่งแดนอิเหนา/

การขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก   ปราสาทหินปรัมบานันได้รับขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกในการประชุมคณะกรรมการมรดกโลกสมัยสามัญครั้งที่ 15 ภายใต้ชื่อ "กลุ่มวัดปรัมบานัน (Prambanan Temple Compounds)" เมื่อปี พ.ศ. 2534 ที่เมืองคาร์เทจ โดยมีคุณสมบัติตรงตามข้อกำหนดและหลักเกณฑ์ในการพิจารณามรดกโลกด้านวัฒนธรรมจำนวน 2 ข้อได้แก่
  1. เป็นตัวแทนในการแสดงผลงานชิ้นเอกที่จัดทำขึ้นด้วยการสร้างสรรค์อันชาญฉลาดของมนุษย์
  4. เป็นตัวอย่างอันโดดเด่นของประเภทของสิ่งก่อสร้างอันเป็นตัวแทนของการพัฒนา ทางด้านวัฒนธรรม สังคม ศิลปกรรม วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี อุตสาหกรรม ในประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติ

    สำหรับโบราณสถานแห่งนี้ถือว่ามีความยิ่งใหญ่งดงามจริงๆ แต่ก็ยังแงไปด้วยความวิจิตปราณีตในการสลักลวดลายต่างๆเพื่อบอกเล่าถึงเรื่องราวต่างๆ ในด้านของความเชื่อของคนในสมัยนั้น  มาลีคิดว่าถ้าไม่มีแผ่นดินไหวเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำอีก ร่องรอยของสิ่งที่เป็นมรดกตกทอดมานี้คงเหลือตกทอดมาสู่สายตาเรามากกว่านี้ แต้่จะให้ทำไงได้ล่ะ ภัยธรรมชาติเป็นเรื่องที่ควบคุมได้ที่ไหนล่ะ และถ้าใครที่ได้อ่านบทความประจำสัปดาห์นี้แล้ว มีความคิดเห็นกันอย่างไรบ้าง แบ่งปันติชม แนะนำมาลีได้นะคะ ส่วนบทความของสัปดาห์หน้าจะเป็นอะไรนั้น อย่าลืมติดตามกันไว้นะคะ สำหรับวันนี้มาลีต้องไปก่อนแล้ว ฝันดีราตรีสวัสค่ะ 
อ้างอิงข้อมูล
ปรัมบานัน อีกหนึ่งความมหัศจรรย์แหงแดนอิเหนา.(2017).amazing thailand.สืบค้นเมื่อวันที่ 5
     กันยายน 2561.จาก gothailandgoasean.tourismthailand.org/th/ปรัมบานัน-อีกหนึ่งความ
      มหัศจรรย์แห่งแดนอิเหนา/
มรดกโลกในอินโดนีเซีย 2 กลุ่มวัดปรัมบานัน.(มปป).ASEAN note.สืบค้นเมื่อวันที่ 5 กันยายน 2561. 
     จาก aseannotes.blogspot.com/2014/07/2_13.html
 ท่องไปในดินแดนชวา เยือนจันดีราราจงกรัง "ปรัมบานัน" อาณาจักรแห่งทวยเทพ.(2017).amazing  
       thailand.สืบค้นเมื่อวันที่ 5 กันยายน 2561.จาก gothailandgoasean.tourismthailand.org/th
       /ท่องไปในดินแดนชวา-เยือนจันดีราราจงกรัง-“-ปรับบานัน”-อาณาจักรแห่งทวยเทพ/
วัด ปรัมบานัน มรดกโลก Prambanan อินโดนีเซีย.(2013).Mthai.สืบค้นเมื่อวันที่ 5 กันยายน 2561.
      จาก https://travel.mthai.com/blog/73785.html
ปรัมบานัน.(มปป). สืบค้นเมื่อวันที่ 5 กันยายน 2561.จาก https://th.wikipedia.org/wiki.ปรัมบานัน


Wednesday, September 5, 2018

เว้ เมืองมรดกโลก ไม่ใช่ของไทยแต่ไม่ไกลเกินเอื้อม


    

                สวัสดีค่ะ...วันนี้เราก็จะพาทุกคนไปเที่ยวในส่วนของโบราณสถานที่น่าตื่นตาตื่นใจกันอีกที่หนึ่งนะคะ ซึ่งจะถือได้ว่าเป็นมรดกของโลกที่อยู่ใกล้บ้านเรามากอีกที่หนึ่งเลยทีเดียว ซึ่งนั่นก็คือ หมู่บ้านโบราณสถานเมืองเว้ นั่นเอง ซึ่งสถานที่แห่งนี้นะคะ ตั้งที่อยู่ที่ประเทศเวียดนาม เพื่อนบ้านในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ของเรานี่เอง และก่อนอื่นที่เราจะไปเที่ยวนะคะ เรามารู้จักในส่วนของประวัติศาสตร์ความเป็นมาของเว้กันก่อนเลย...!!

ที่มา:https://travel.mthai.com/world-travel/63126.html
  
    ประวัติศาสตร์ของเมืองเว้ แต่เดิมเป็นเมืองเล็กๆ ที่ตั้งอยู่ใจกลางของประเทศเวียดนาม ซึ่งอยู่ในความปกครองของขุนนางเหวียนฮวาง (Nguyen Hoang) ในแผ่นดินของราชวงศ์เล แต่ราชวงศ์ปกครองได้ไม่นานก็เกิดสงครามแบ่งแยกดินแดนขึ้น ทางตอนเหนือและตอนใต้ เหวียนฉวาง หรือที่คนไทยรู้จักพระองค์ในชื่อว่า องเชียงสือ ซึ่งเป็นผู้ปกครองเวียดนามใต้อยู่ในขณะนั้นได้ปราบกบฏลง และรวบรวมดินแดนทางตอนเหนือและตอนใต้เข้าไว้ด้วยกัน ในปี พ.ศ. 2345 พร้อมกับสถาปนาตนเองเป็นจักรพรรดิยาลองแห่งราชวงศ์เหวียน มีศูนย์กลางการปกครองอยู่เมืองเว้
   แต่หลังจากที่พระเจ้ายางลองปกครองได้เพียง 33 เกิดการเดินขบวนต่อต้านฝรั่งเศสและการต่อสู้กับลัทธิจักรพรรดินิยม รวมถึงเหตุการณ์ต่อมาคือ การยึดครองของญี่ปุ่นในมหาสงครามเอเชียบูรพาเมื่อปี พ.ศ. 2488 และในสิงหาคมปีเดียวกันนี้เองที่ พระเจ้าเบ๋าได่ ได้สละราชสมบัติ จึงถือได้ว่าเมืองเว้ เป็นจุดต้นเริ่มต้นราชวงค์เหวียน และเป็นราชธานีสุดท้ายของราชวงศ์เหวียนเช่นกัน

ที่มา:https://travel.mthai.com/world-travel/63126.html

    แม้ว่า เมืองเว้ จะได้รับความเสียหายจากพิษภัยของสงครามรวมชาติเวียดนามไปบ้าง แต่ก็ยังคงหลงเหลือร่องรอยแห่งความเจริญรุ่งเรืองของนครจักรพรรดิอยู่อีกไม่น้อยเช่นกัน แต่ละแห่งล้วนมีเรื่องราวน่าสนใจมากมายให้นักเดินทางได้เข้าไปเยี่ยมชม ซึ่งสิ่งเหล่านี้เองที่เป็นมนต์เสน่ห์ดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกให้มาเยี่ยมเยือนเมืองมรดกโลกริมแม่น้ำหอมที่ไม่ได้สูญหายไปพร้อมกับกาลเวลาที่หมุนเวียนไปเรื่อยๆนี้

....แล้วเราก็จะมาในส่วนของ สถานที่ท่องเที่ยว ของหมู่บ้านโบราณสถานเมืองเว้กันแล้ว จะมีอะไรบ้าง ตามไปดูกันเลยค่ะ!!! 
          เริ่มจากที่แรกกันเลย นครจักรพรรดิ หรือนครต้องห้าม (Imperial Enclosure / Forbidden Purple City) 
ที่มา:https://travel.mthai.com/world-travel/63126.html
      ถือได้ว่าเป็นจุดที่ห้ามพลาดกันเลยทีเดียว เนื่องจากว่า เป็นมรดกตกทอดที่ยิ่งใหญ่จากราชวงศ์เหวียน ซึ่งจะถูกสร้างตามความเชื่อของจีน แถมยังมีกำแพงล้อมรอบถึง 3 ชั้นเลยล่ะค่ะ จุดที่น่าสนใจของที่นี่ก็คือหลังจากที่นักท่องเที่ยวข้ามสะพานเดินลองผ่านซุ้มประตูหรือกำแพงชั้นนอกเข้าไป จะได้พบกับ ซุนทานกง หรือ ปืนใหญ่ 9 เทพเจ้า ซึ่งอยู่ทางด้านขวามือ หมายถึงเทพ 5 องค์ ตัวแทนของธาตุทั้ง 5 คือ โลหะ น้ำ ไม้ ไฟ และดิน ส่วนอีก 4 องค์ เป็นตัวแทนของฤดูกาลทั้ง 4 ฤดูใน 1 ปี
     ถัดมาเป็นกำแพงเหลือง ซึ่งเป็นกำแพงชั้นกลางที่ล้อมรอบนครของจักรพรรดิ เมื่อนักท่องเที่ยวผ่านลอดประตูชั้นที่สอง โดยข้ามสะพานน้ำทอง ซึ่งเคยถูกสงวนไว้เฉพาะจักรพรรดิเท่านั้น จะเจอกับพระราชวังไทเฮา เป็นวังที่สำคัญที่สุดในนครจักรพรรดิ ใช้สำหรับต้อนรับเชื้อพระวงศ์ระดับสูง และนักการทูตต่างประเทศ ถัดมาส่วนในสุดของนครจักรพรรดิ คือ ตือกามแทงห์ หรือนครต้องห้ามของจักรพรรดิ


ต่อมา...สุสานจักรพรรดิตือดึ๊ก (Tomb of Tu Duc) 
ที่มา:https://travel.mthai.com/world-travel/63126.html
    ตัวอาคารใหญ่เล็ก แต่ก็สวยงามมีความลงตัวของสถานที่ ซึ่งตามบันทึกกล่าวว่าพระองค์ได้ทรงออกแบบเองเกือบทั้งสิ้น สุสานแห่งนี้สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2407 ใช้เวลา 3 ปี จึงแล้วเสร็จ
จุดเด่นน่าชมของสุสาน แห่งนี้ คือ ตำหนัก 2 แห่งภายใต้อาคารไม้เก่าแก่ที่ตั้งอยู่ริมทะเลสาบลูเคียม อันรายล้อมด้วยดอกบัวที่บานสะพรั่งส่งกลิ่นหอมไปทั่ว พระองค์ทรงใช้เวลาว่างในตำหนักแห่งนี้นิพนธ์บทกวีและพักผ่อนหย่อนใจด้วยการ ตกปลา ถัดมาที่ส่วนกลาวงของสุสานมีศิลาจารึกขนาดใหญ่ที่กล่าวถึงพระเกียรติคุณ และเรื่องราวต่างๆ เกิดขึ้นในรัชสมัย และอาคารทรงโรงขนาดใหญ่ที่ใช้เป็นโรงละครสมัยที่ท่านยังมีชีวิตอยู่ ส่วนตัวสุสานของพระองค์นั้นอยู่ด้านในสุด รายล้อมไปด้วยความร่มรื่นของทิวสน


สุสานจักรพรรดิมินห์มาง (Tomb of Minh Mang)
การก่อสร้างสุสานแห่งนี้เริ่มขึ้นในปี พ.ศ. 2383 หรือ การเที่ยวชม จุดแรกของการเยี่ยมชม คือ บริเวณลานกว้างที่มีรูปสลักหินของเหล่าบรรดาช้าง ม้า ทหาร และขุนนาง ที่ตั้งเรียงรายอยู่ สองฟากฝั่งผลงานชิ้นยอดของช่างฝีมือนิรนามหลายคน ถัดเข้ามาเป็นศิลาจารึกที่ตั้งแท่นบูชาดวงพระวิญญาณ และพระตำหนักด้านในที่แวดล้อมไปด้วยบึงน้ำและสวนอันร่มรื่น ซึ่งจากพระตำหนักนี้เอง สามารถมองเห็นหลุมฝังพระศพเป็นเนินดินวงกลมขนาดใหญ่ล้อมรอบด้วยรั้วสูง แต่ไม่เคยมีใครรู้เลยว่าตำแหน่งของที่ฝังพระศพที่แน่นอนนั้นอยู่ตรงไหน เพราะไม่อนุญาตให้ผู้ใด นอกจากผู้ที่ทำการฝังพระศพเข้าไป และผู้ที่ทำการฝังพระศพนั้นจะต้องฆ่าตัวตาย ตามพระองค์ด้วยเพื่อเป็นข้าราชบริพารรับใช้พระองค์ในภพหน้า

และเดินทางมาถึงที่สุดท้ายที่เรานำมานำเสนอให้ทุกคนได้อ่านกัน ก็คือ...

อุโมงค์หวิงห์ม็อก (Vinh Moc Tunnel)

     ตั้งอยู่ห่างจากตัวเมืองเว้มาทางทิศเหนือราว 65 กิโลเมตร นับเป็นอุโมงค์ใต้ดินที่คนทั้งหมู่บ้านอาศัยอยู่เป็นเวลาหลายปีเพื่อหลบภัย จากการทิ้งระเบิดอย่างต่อเนื่องในสมัยสงครามเวียดนาม
ภายในเครือข่ายอุโมงค์ที่มีความยาวกว่า 2,000 เมตร นี้ แบ่งออกเป็น 3 ชั้น มีทางเข้าออกทั้งหมด 13 ทาง แต่ละชั้นจะมีการสร้างเป็นห้องต่างๆ ทางซ้ายและขวา โดยชั้นแรกมีจุดเด่นน่าชมอยู่ที่ห้องที่ใช้คลอดเด็กทารกถึง 17 คน และชั้นที่สองเป็นส่วนที่ใช้ในการประชุมในสมัยสงคราม จากนั้นจะมีทางเดินลงสู่ชั้นที่ 3 ของอุโมงค์ ซึ่งค่อนข้างชันควรใช้ความระมัดระวัง อุโมงค์หวิงห์ม็อก สามารถเที่ยวชมได้ตลอดปี เพียงแต่ในฤดูฝนอาจจะมีความยากลำบากในการเดินทางสักหน่อย และควรนำไฟฉายติดตัวมาด้วยแล้วกันนะคะ เผื่อเผลอเดินเหยียบรองเท้าคนข้างหน้าจะซวยเอาเดี๋ยวจะหาว่ามาลีไม่เตือนนะไม่ได้นะคะ

    นอกจากนี้นะคะ ในเมืองเว้ ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆอีกมากมายเลย แต่ว่า ถ้ามาลียกมาให้เพื่อนๆอ่า่นวันนี้ทีเดียวก็คงไม่หมดหรอกใช่ไหมคะ เอาเป็นว่า ใครที่สนใจจะไปท่องเที่ยวหรือใครที่เคยไปเยือนเมืองที่มีมนต์ขลัง ของความเก่าแก่และสวยงามแบบนี้แล้วล่ะก็ อย่าลืมมาเล่าให้มาลีฟังข้างล่างได้เลยนะคะ  สำหรับวันนี้มาลีต้องจากทุกคนไปแล้ว บทความหน้าจะเป็นเรื่องของอะไร เพื่อนๆรอติดตามกันได้เลยนะคะ บ๊ายบายยยยย >3<


อ้างอิงข้อมูล
เว้ เมืองมรดกโลก เวียดนาม.(2014).Mthai.สืบค้นเมื่อวันที่ 5 กันยายน 2561.จาก    
หมู่บ้านโบราณเมืองเว้ มหานครอาเซียน.(มปป).uAean.สืบค้นเมื่อวันที่ 5 กันยายน 2561.จาก   
ท่องเเที่ยวพักผ่อนแบบสบายในเมืองเว้ ที่เวียดนาม.(2560).Amezing Thailand.สืบค้นเมื่อวันที่ 5  
        สบายในเมืองเว้ ที่เวียดนาม/
เว้ มหานครแห่งราชวงศ์เหวียน.(มปป).Ocean smile.สืบค้นเมื่อวันที่ 5 กันยายน 2561. 
       จากhttp://www.oceansmile.com/Vietnam/Vea.htmhttp://www.oceansmile.com
       /Vietnam/Vea.htm
Wikipedia.(มปป).Wikipedia.สืบค้นเมื่อวันที่ 5 กันยายน 2561.จาก https://th.wikipedia.org/wiki/เว้